เป็นข่าวใหญ่เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (17 เม.ย. 2567) เกิดเหตุระเบิดดังสนั่นภายใน โรงงานน้ำแข็งที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี "แอมโมเนีย"รั่วไหลฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 140 ราย และต้องทำการปิดโรงงานน้ำแข็ง 3-7 วัน หลังพบว่าค่าอากาศยังเกินมาตรฐาน
"แอมโมเนีย"(Ammonia)เป็นก๊าซที่กัดกร่อนไม่มีสีที่มีกลิ่นฉุนที่โดดเด่น พบได้ทั่วไปในธรรมชาติแอมโมเนียสามารถเก็บเป็นของเหลวที่ความดันสูงและละลายได้ง่ายในน้ำ แอมโมเนียฝากตัวเองในรูปแบบเปียกและแห้งบนบกพืชดินและน้ำ
ทางเคมี "แอมโมเนีย" คือ NH3เมื่อไม่ได้รับไอออนและ NH4+ เมื่อแตกเป็นไอออน
แอมโมเนีย เป็น มลพิษทางอากาศ และสารตั้งต้นของอนุภาครอง มันรวมกับสารประกอบอื่นๆ ในชั้นบรรยากาศเช่นกรดไนตริกและซัลเฟตเพื่อสร้างเกลือแอมโมเนียมซึ่งเป็นรูปแบบที่เป็นอันตรายของอนุภาคอนุภาคละเอียด
แอมโมเนียใช้อะไร?แอมโมเนียquotอันตรายแค่ไหนหากสัมผัสจะมีอาการอย่างไรรักษายังไงมีตังค์168 สล็อต
นอกเหนือจากการเป็นสารมลพิษแล้วแอมโมเนียยังเป็นสารอาหารที่มีไนโตรเจนที่มีความสำคัญซึ่งผลิตโดยพืชและการสลายตัวของสัตว์รวมทั้งถูกขับออกจากสัตว์ แอมโมเนียสามารถแปลงเป็นไนไตรต์ได้ และไนเตรต โดยแบคทีเรีย ณ จุดนี้ แอมโมเนีย ได้รับการดัดแปลงเป็นสารอาหารสำหรับพืช
เนื่องจากคุณสมบัติที่มี ไนโตรเจน ของ "แอมโมเนีย" ทำให้แอมโมเนียที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ 90 เปอร์เซ็นต์ใช้ในปุ๋ย แอมโมเนียยังสามารถใช้ด้วยตัวเองหรือเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือนซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดน้ำมันพืชและคราบไขมันสัตว์
การใช้งานเชิงพาณิชย์อื่นๆ สำหรับ "แอมโมเนีย"ได้แก่
แอมโมเนียมีผลต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างไร?
การสัมผัสกับ "แอมโมเนีย" ที่มีความเข้มข้นสูงในสภาพแวดล้อมอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตาจมูกและลำคอเช่นเดียวกับผิวหนัง
ปัญหาสุขภาพระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการได้รับแอมโมเนีย ได้แก่
"แอมโมเนีย" ยังมีส่วนช่วยในการก่อตัวของ PM2.5 ที่เป็นอันตราย จากบันทึกทางเทคนิคปี 2011 ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์นมแอมโมเนียสามารถสร้างอนุภาคในชั้นบรรยากาศผ่านปฏิกิริยาทางเคมีกับกรดซัลฟิวริกและกรดไนตริก 5 แอมโมเนียที่ผลิตโดยการปฏิบัติการปศุสัตว์เพียงอย่างเดียวอาจมีส่วนร่วม 5 % ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของ PM2.5 บรรยากาศในสหรัฐอเมริกาโดยเฉลี่ยขึ้นอยู่กับภูมิภาคและเวลาของปี
ความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5ผลกระทบระยะสั้น เช่น
อันตรายจากการใช้ "แอมโมเนีย" ในโรงงานทำน้ำแข็งและห้องเย็น
โรงงานทำน้ำแข็ง และ ห้องเย็น มักนิยมใช้ "แอมโมเนีย" เป็นสารทำความเย็นในระบบทำความเย็นเนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับสารทำความเย็นประเภทคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) และประการสำคัญคือไม่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศแต่แอมโมเนียมีสมบัติความเป็นพิษในตัวเองดังนั้นการนำมาใช้ประโยชน์จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะหากเกิดการรั่วไหลอาจทำให้ผู้ปฏิบัติงานในบริเวณที่มีการใช้แอมโมเนียและบริเวณใกล้เคียงได้รับอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ลักษณะของแอมโมเนีย
"แอมโมเนีย" ที่ใช้ในระบบทำความเย็นเป็นแอมโมเนียที่ปราศจากน้ำ(Ammonia anhydrous)ทั้งที่อยู่ในสถานะที่เป็นของเหลวและก๊าซแอมโมเนียในสถานะก๊าซเป็นก๊าซที่ไม่มีสีมีกลิ่นฉุนรุนแรงมีความเป็นพิษสูงสามารถละลายน้ำได้ดีและมีฤทธิ์กัดกร่อนสูงและด้วยความสามารถในการละลายน้ำได้ดีถึงแม้ว่าแอมโมเนียจะเบากว่าอากาศ (น้ำหนักโมเลกุลของแอมโมเนีย = 17) แต่เมื่อมีการรั่วไหลเกิดขึ้นก๊าซ
แอมโมเนีย จะรวมตัวกับความชื้นในอากาศทำให้เกิดเป็นหมอกควันสีขาวของแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ซึ่งจะทำให้หนักกว่าอากาศดังนั้นเมื่อแอมโมเนียรั่วไหลในอากาศจึงมีทั้ง "แอมโมเนีย" ที่เบาและหนักกว่าอากาศอยู่ปะปนกันสามารถลุกไหม้ได้ที่ช่วงความเข้มข้นของไอระเหยระหว่าง 16-25% โดยปริมาตรแอมโมเนียสามารถลุกติดไฟได้เอง(Autoignition Temperature) ที่อุณหภูมิประมาณ 650 องศาเซลเซียสแอมโมเนียที่อยู่ในภาชนะบรรจุจะอยู่ในสถานะเป็นของเหลวภายใต้ความดันประมาณ 150 ปอนด์/ตารางนิ้วที่อุณหภูมิ - 33 องศาเซลเซียส แต่ก๊าซแอมโมเนียในภาชนะบรรจุมีสถานะเป็นของเหลวซึ่งมีอัตราการขยายตัวกลายเป็นก๊าซแอมโมเนียในอัตราส่วน 1 : 850 นั่นคือแอมโมเนียเหลว 1 ส่วนหากมีการรั่วไหลออกสู่บรรยากาศจะขยายตัวเป็นก๊าซได้ 850 ส่วน
อันตรายจากแอมโมเนีย
อันตรายจากการสัมผัสแอมโมเนีย
ระดับความเข้มข้นของ "แอมโมเนีย" ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
การตรวจสอบและทดสอบภาชนะบรรจุก๊าซ
ภาชนะหรือท่อบรรจุก๊าซแอมโมเนียจำเป็นต้องมีการตรวจสอบสภาพและทดสอบเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งานตามข้อกำหนดใน มอก. 358 โดยดำเนินการตรวจทดสอบเกี่ยวกับ
ทั้งนี้การดำเนินการตรวจสอบและทดสอบดังกล่าวข้างต้นสำหรับภาชนะบรรจุที่เป็นท่อบรรจุก๊าซ (Gas Cylinder) มีวิธีการทดสอบ 4 วิธีดังนี้
การป้องกันอันตรายจากแอมโมเนีย
การจัดการเมื่อเกิดการรั่วไหล
เนื่องจากคุณสมบัติของ "แอมโมเนีย" ละลายน้ำได้ดีหากเกิดการรั่วไหลที่วาล์วข้อต่อหรืออุปกรณ์ต่างๆสิ่งสำคัญในการจัดการการรั่วไหลก็คือพยายามฉีดน้ำให้เป็นฝอยอย่างหนาแน่นครอบคลุมเพื่อจับไอของแอมโมเนียที่ฟุ้งกระจายเป็นการสลายพิษแอมโมเนียและระวังไม่ให้ฉีดน้ำตรงจุดที่แอมโมเนียเหลวรั่วไหลอยู่พยายามเข้าไปปิดวาล์วหรือหยุดการรั่วไหลที่ต้นทางใหไ้ด้แต่ผู้ที่เข้าไปปฏิบัติการจะต้องสวม
ใส่ชุดป้องกันสารเคมีและอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่เหมาะสมเช่นหน้ากากป้องกันแอมโมเนียและเครื่องช่วยหายใจ (Self-Control Breathing Apparatus) ตลอดเวลาที่ปฏิบัติการ
การปฐมพยาบาลผู้ประสบเหตุ
เมื่อได้รับแอมโมเนียทางระบบหายใจ
แอมโมเนียสัมผัสตา
แอมโมเนียสัมผัสผิวหนัง
ข้อมูล : IQAir / icebusiness.net
相关文章:
相关推荐:
'สุริยะ' สั่งปรับระบบทางด่วน ลดด่านStory of an 11แปลปกสลาก 16 เมษายน 2567 วิเคราะห์เลขเด็ด ลุ้นรวยวันสงกรานต์สาเหตุเลิก 'อีแจอุคเดินเครื่องกลยุทธ์ ‘วัน ลอรีอัล' ดันแบรนด์อันดับหนึ่งโตยั่งยืนArrest warrant issued for Pol Gen Surachate on money laundering charges'ซาร่า คาซิงกินี' ฟาดเดือด! เจอชาวเน็ตแซะท้องเก่งลับ ลวง ลอก ปรับครม. ปชป.เสียบ / โจ๊ก...จบ!!มัดรวม 6 ความเคลื่อนไหวรอบวัน ‘คดีบิ๊กโจ๊ก’บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลงทะเบียนใช้ น้ำ
0.0793s , 7998.7265625 kb
Copyright © 2024 Powered by มีตังค์168 สล็อต、โปรโมชั่น สล็อต、เว็บ 777 สล็อต、เกมส์ สล็อต666,ปทุมธานีไลฟ์เจอร์