KEY
POINTS
เปิดภาระทางการคลังตามมาตรา 28 คงค้างที่รัฐต้องชำระทั้งหมด 1 ล้านล้าน ยังไม่รวมดิจิทัลวอลเล็ต กระจายอยู่ตามรัฐวิสาหกิจและธนาคารเฉพาะกิจการของรัฐ 9 หน่วยงานแบกหนี้รัฐ สำนักงบประมาณรัฐสภาคาดภาระจ่ายของภาครัฐตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 - 2570 อยู่ที่ 9.5 แสนล้าน - 1.2 ล้านล้าน
ข้อจำกัดของงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศไทย ที่มีงบประจำมากถึงประมาณ 70 – 72% ของสัดส่วนรายจ่ายงบประมาณประจำปี นอกจากจะทำให้ประเทศไทยต้องมีการตั้งงบประมาณขาดดุลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตั้งงบลงทุนได้ตามกฎหมาย พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังที่ไม่ต่ำกว่า 20% ของสัดส่วนงบประมาณประจำปี ยังทำให้รัฐบาลต้องใช้ “เงินนอกงบประมาณ” ในการดำเนินโครงการสำคัญของรัฐบาล รวมทั้งโครงการที่หาเสียงไว้
ช่องทางของการใช้เงินนอกงบประมาณของรัฐบาลปรากฏให้เห็นเป็นประจำผ่านการหยิบยืมรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารเฉพาะกิจของรัฐให้ออกเงินในโครงการต่างๆไปก่อน แล้วรัฐบาลตั้งงบประมาณพร้อมดอกเบี้ยใช้ภายหลัง โดยวิธีการนี้เรียกว่านโยบายกึ่งการคลัง โดยรัฐบาลมอบหมายหน่วยงานของรัฐให้ดำเนินการตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ซึ่งมีการใช้กันมาต่อเนื่องทุกรัฐบาลตั้งแต่หลังวิกฤติปี2540 จนปัจจุบันรัฐบาลมียอดคงค้างภาระที่รัฐต้องรับชดเชยตามมาตรา 28 รวมกันกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยยังไม่รวมโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 10,000 บาท ที่รัฐบาลจะขอใช้สภาพคล่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) วงเงิน 172,300 ล้านบาท มาจ่ายให้กับเกษตรกรประมาณ 17 ล้านคน
รายงานการวิเคราะห์สถานะภาระทางการคลังตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ของสำนักงบประมาณของรัฐสภา ที่จัดทำขึ้นล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย.2566 ที่ผ่านมาได้ระบุถึง ประมาณการภาระทางการคลังตามมาตรา 28 ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วง 5 ปี ข้างหน้า (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 –2570) พบว่า ยอดคงค้างรวมทั้งหมดของภาระที่รัฐต้องรับชดเชย ค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินกิจกรรม มาตรการหรือโครงการตามที่กำหนดไว้ ในมาตรา 28 มีกรอบวงเงินอยู่ระหว่าง 955,500 - 1,288,700 ล้านบาท โดยมีภาระคงค้างตามมาตรา 28 ณ เดือน ก.ย.2566 อยู่ที่ 1,060,940 ล้านบาท
โดยมาตรการ และโครงการ ช่วยเหลือเกษตรกรมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดภาระทางการคลังเป็นจำนวนสูงขึ้นทุกปี ซึ่งมีผล ต่อกรอบวงเงินที่รัฐต้องชดเชยค่าใช้จ่ายหรือสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐตามนัยมาตรา 28 และก่อให้เกิดภาระงบประมาณคงค้างเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้การส่งต่อภาระการคลังตามมาตรา 28 ท้ายที่สุดแล้วจะกลายเป็นเงินชดเชยค่าใช้จ่ายหรือ ความเสียหายที่รัฐจะต้องจัดสรรให้แก่หน่วยงานของรัฐนั้นๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ บัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ การเพิ่มทุน และการให้เงินอุดหนุนการบริการ สาธารณะของรัฐวิสาหกิจ
โดยยอดคงค้างภาระที่รัฐต้องรับชดเชยตามมาตรา 28 จำแนกตามหน่วยงานต่างๆ ดังนี้
1.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ยอดคงค้างที่รัฐบาลต้องรับชดเชย 885,327 ล้านบาท คิดเป็น 83.4% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด
2.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม 97,830 ล้านบาท คิดเป็น 9.22% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด
3.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 6,176 ล้านบาท คิดเป็น 0.58% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด
4.ธนาคารออมสิน 57,740 ล้านบาท คิดเป็น 5.44% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด
5.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 493 ล้านบาท คิดเป็น 0.05% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด
6.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 926 ล้านบาท คิดเป็น 0.09% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด
7.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 4,744 ล้านบาท คิดเป็น 0.45% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด
8.การรถไฟแห่งประเทศไทย 4,722 ล้านบาท คิดเป็น 0.44% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด
และ 9.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ 2,981 ล้านบาท คิดเป็น 0.28% ของหนี้ตามมาตรา 28 ทั้งหมด
ทั้งนี้ในการบริหารจัดการภาระคงค้างตามมาตรา 28 ของรัฐบาลจะใช้การบริหารให้ระดับหนี้ตามมาตรา 28 ลดลงอยู่ในกรอบ พ.ร.บ.วินัยการเงินและการคลัง พ.ศ.2561 โดยปัจจุบันเพดานหนี้ตามมาตรา 28 อยู่ที่ 32% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีทั้งหมด
ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการชำระหนี้ตามมาตรา 28 โดยในงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ได้มีการตั้งวงเงินชดเชยเงินคงคลังเพื่อใช้หนี้ในส่วนนี้เป็นรายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลังประมาณ 1.18 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลยังมีพื้นที่ใช้เงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 มาดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามในการจัดทำงบประมาณปี 2568 รัฐบาลไม่ได้มีการตั้งวงเงินเพื่อชดเชยเงินคงคลังไว้ในการจัดทำงบประมาณแต่อย่างใด
ขณะนี้จึงยังไม่มีความชัดเจนในแผนการชำระหนี้คงค้างตามมาตรา 28 ของรัฐบาลเพิ่มเติม เหมือนกับที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนสำหรับแผนการชำระหนี้คืนให้กับธกส.สำหรับเงินก้อนใหม่ที่รัฐบาลจะขอให้ ธกส.สำรองจ่ายเงิน 172,300 ล้านบาท มาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลจะเดินหน้าให้ได้ภายในปีนี้
แท็กที่เกี่ยวข้องธกส.หนี้สาธารณะวินัยการเงินการคลังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรภาระการคลังพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐแบกหนี้EconomicWealth相关文章:
相关推荐:
พี่สุดทน คว้ามีดดาบฟันดับ น้องชายหลอนยาบ้า คลั่งอาละวาดกลางดึก ทุบห้องนอนแม่ผลบอลสด แอฟริกาใต้ พบ ตูนิเซีย ฟุตบอล แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2023 พร้อมลิงก์ดูบอลสดผลบอลสด เกาหลีใต้ พบ มาเลเซีย ฟุตบอล เอเชียน คัพ 2023 พร้อมลิงก์ดูบอลสดOppo ต่อสัญญาสิทธิบัตรกับ Nokia สิ้นสุดคดีห้ามขายมือถือในยุโรปเปิดตัว ผู้ช่วย "ชมพู่ อารยา" ซี้ปึ้ก ตามดูแล ถึงงานแฟชั่นระดับโลกศาลพม่า สั่งเปิดประมูลขายบ้าน "อองซาน ซูจี" เคาะเริ่มต้นที่ 3,200 ล้านบาทสส.วิโรจน์ ปิดทางร่วมงาน "สุทิน" กลางสภา เหน็บนายกฯ เอาแต่อุทาน “อุ๊ย รับไม่ได้”รู้จักตัวละคร A Shop For Killers เผยความลึกลับเปิดตัวตนที่ซ่อนไว้!ชายถูกตัดสินประหารชีวิต วางเพลิงสตูดิโออนิเมะญี่ปุ่น ดับ 36 ศพรัฐบาล สั่งกำหนดเกณฑ์สอบภาษาอังกฤษ ป.ตรี ต้องผ่านระดับ B2
0.0508s , 8037.0625 kb
Copyright © 2024 Powered by fun888asia คาสิโน、สล็อต 888 เว็บตรง วอ เลท、สล็อต pg ฝาก 1รับ100 ถอนไม่อั้น、ufapremier สล็อต,ปทุมธานีไลฟ์เจอร์