“คลัง” ยืนยันใช้เงิน ธ.ก.ส.แจกดิจิทัลวอลเล็ต 1.72 แสนล้าน เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่การกู้เงิน “กฤษฎีกา” ชี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง สหภาพฯ ธ.ก.ส.ส่งหนังสือ 4 หน่วยงาน “ธปท.-สศค.-สคร.-กฤษฎีกา” เคลียร์ปมใช้เงินแบงก์ “ธีระชัย” ชี้อาจถึงทางตัน เสี่ยงขัดกฎหมาย
ความพยายามในการหาแหล่งเงิน 5 แสนล้านบาท ของรัฐบาลเพื่อมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ตแม้จะมีความชัดเจนในเรื่องของแหล่งเงินว่าจะมาจาก 3 แหล่ง ประกอบด้วย
1.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 152,700 ล้านบาท ที่รัฐบาลได้มีการตั้งงบประมาณขาดดุลเพิ่มเติม
2.การใช้เงินตามมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) วงเงิน 172,300 ล้านบาท สำหรับเกษตรกร 17 ล้านคน
3.บริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาท
ขณะนี้มีข้อทักท้วงและรอความชัดเจนของการตีความทางกฎหมาย โดยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธ.ก.ส.ต้องการให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่าใช้เงินของ ธ.ก.ส.วงเงิน 172,300 ล้านบาท ได้หรือไม่
รวมทั้งที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายรัฐบาลเพื่อดูแลเกษตรกร ซึ่งล่าสุดมีหนี้รอการชดเชยจากรัฐบาล 619,173 ล้านบาท จากการโครงการที่รัฐบาลอนุมัติดำเนินการระหว่างปี 2554-2583
โดยมีโครงการที่อนุมัติในรัฐบาลปัจจุบัน อาทิ โครงการการพักหนี้เกษตรกร ดำเนินการวันที่ 1 ต.ค.2567-30 ก.ย.2569 วงเงินรอการชดเชยจากรัฐบาล 32,573 ล้านบาท , โครงการสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกปีการผลิต 2566/2567 ดำเนินการวันที่ 31 ต.ค.2566-31 ธ.ค.2567 วงเงินรอการชดเชย 1,286 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวฯ ปีการผลิต 2566/2567 ดำเนินการวันที่ 7 พ.ย.2566-31 ธ.ค.2567 วงเงินรอการชดเชย 3,736 ล้านบาท
สำหรับหนี้ส่วนนี้รัฐบาลใช้วิธีทยอยชำระคืนให้ ธ.ก.ส.โดยตั้งงบประมาณผ่านเงินชดเชยเงินคงคลังเพื่อใช้หนี้ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 เช่นเดียวกับปี 2567 รัฐบาลตั้งวงเงินส่วนนี้ 1.18 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลยังมีพื้นที่ใช้เงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 ดำเนินการตามนโยบายรัฐ
ในขณะที่งบประมาณปี 2568 ไม่ได้มีการตั้งงบประมาณชดเชยเงินคงคลังในรายจ่ายงบประมาณปี 2568 แต่อย่างใด
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการ ธ.ก.ส.กล่าวว่า การใช้เงิน ธ.ก.ส.ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินคลัง พ.ศ. 2561 วงเงิน 172,300 ล้านบาท จะเป็นไปตามกฎหมาย โดยคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตวันที่ 10 เม.ย.2567 เห็นชอบในอำนาจหน้าที่ ธ.ก.ส.จึงไม่มีประเด็นน่ากังวล
“ส่วนใหญ่ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเป็นการกู้เงิน ธ.ก.ส. เหมือนเป็นผู้ไม่มีความรู้ด้านกลไกงบประมาณ การดำเนินการผ่าน ธ.ก.ส. เป็นการดำเนินนโยบายกึ่งการคลังซึ่งถือเป็นอำนาจของรัฐบาลอยู่แล้ว”
ส่วนประเด็นการทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าจำเป็นหรือไม่ และไม่ส่งกระทบไทม์ไลน์ของโครงการ คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน เม.ย.นี้
ในขณะนี้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลเองก็ไม่ได้เป็นกังวล ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินโครงการผ่านหน่วยของรัฐ สถานบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) เป็นการดำเนินนโยบายกึ่งการคลัง ให้ดำเนินการไปก่อนโดยใช้เงินในสัดส่วนที่บริหารจัดการได้ ไม่เป็นภาระ โดยมีการตั้งงบประมาณคืนในปีถัดมา ซึ่งไม่ได้ระบุว่าจะต้องคืนให้กับโครงการใดก่อน อย่างกรณี ยืม ธ.ก.ส.จำนวน 1.7 แสนล้าน แล้วตั้งงบคืนปีละ 8 หมื่นล้าน 3 ปีก็ใช้หมดแล้ว แต่เมื่อตั้งงบใช้คืน ก็ขึ้นอยู่ที่การบริหารจัดการภาระงบประมาณว่าจะเลือกคืนให้โครงการไหนก่อน
ทั้งนี้ เงินที่รัฐบาลจะต้องตั้งคืนให้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ดำเนินการตามนโยบายกึ่งการคลังเป็นไปตามกรอบของวิธีการงบประมาณอยู่แล้ว ปัจจุบันกรอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ยังอยู่ในกรอบ 32% ของวงเงินงบประมาณ โดยยังไม่มีแผนว่าจะขยายเพิ่ม ทั้งนี้เมื่องบประมาณในปีถัดไปมีผลบังคับใช้ก็จะทำให้ขยายฐานงบประมาณเพิ่มขึ้น
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนั้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระชากให้เศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะซึมยาวมาโดยตลอดให้ได้หันหัวขึ้น ซึ่งโครงการนี้เป็นเพียงหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่จะเข้ามากระตุ้น และยังมีมาตรการอื่นๆ อีก ทั้งมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ดึงดูดการลงทุน กระตุ้นการท่องเที่ยว
“ผมมั่นใจด้วยระบบของดิจิทัลวอลเล็ตที่สามารถกำหนดการใช้งานได้ แตกต่างจากการแจกเงินแบบ Helicopter Money หรือโปรยเงินสู่มือประชาชน ซึ่งแนวทางดังกล่าวมีมานานแล้วและประเทศไทยก็เคยทำ ซึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตได้หารือครั้งล่าสุดเกี่ยวกับแหล่งเงิน โดยจะใช้งบประมาณปี 2567-2568 และอีกส่วนดําเนินการตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ซึ่งต้องเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบ และไม่แน่ใจว่ากระแสข่าวที่จะกู้เงินจาก ธ.ก.ส.มาจากไหน ยืนยันว่าในที่ประชุมไม่ได้หารือเรื่องนี้
ส่วนแหล่งเงิน 172,300 ล้านบาท เป็นข้อเสนอของฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งในหลักการดำเนินการได้เช่นเดียวกับโครงการโคล้านตัว ที่ต้องเขียนรายละเอียดโครงการให้ชัดเจนมาก่อน
สำหรับประเด็นการใช้เงินตามมาตรา 28 โดยใช้เงิน ธ.ก.ส.จะต้องผ่านมติคณะกรรมการ ธ.ก.ส. และจากนั้นต้องพิจารณาตามมาตรา 27 และ 28 โดยประเด็นการตรวจสอบการใช้เงินเป็นรายละเอียดที่กระทรวงการคลังต้องไปดู ซึ่งในที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตครั้งล่าสุดไม่ได้หารือประเด็นนี้
ในขณะที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธ.ก.ส.ต้องการให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับกฎหมาย ธ.ก.ส.จะแยกส่งให้คณะกรรมกฤษฎีกาหรือจะส่งพร้อมกับความเห็นของ ครม.ก็ได้ เพราะขั้นตอนการหารือคณะกรรมการกฤษฎีกามี 2 แบบ คือ 1.การส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นประกอบการประชุม ครม. และ 2.การหารือโดยตรงกับคณะกรรมการกฤษฎีกาผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบว่ามีปัญหาประเด็นข้อกฎหมายตรงไหน
“ผมไม่หนักใจในเรื่องการตีความข้อกฎหมายส่วนนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของกฤษฎีกาอยู่แล้วที่ต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าการดำเนินการในโครงการต่างๆ ของรัฐบาลถูกต้องตามกฎหมาย” นายปกรณ์ กล่าว
นายศุภชัย วงศ์เวคิน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธ.ก.ส.ให้สัมภาษณ์รายการกรุงเทพธุรกิจ บิซอินไซท์ ช่องเนชั่นทีวี 22 โดยระบุว่าวันที่ 22 เม.ย.นี้สหภาพฯจะส่งหนังสือถึง 4 หน่วยงาน คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อสอบถามความเป็นไปได้การใช้เงิน ธ.ก.ส. วงเงิน 172,300 ล้านบาท ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งรัฐบาลจะเริ่มดำเนินการไตรมาส 4 ปีนี้
ทั้งนี้สหภาพฯ ต้องการความชัดเจนว่าใช้เงินธ.ก.ส.ได้หรือไม่และเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับการจัดตั้งธนาคารหรือไม่เพราะมีทั้งฝ่ายเห็นว่าดำเนินการได้และไม่ได้ ซึ่งการที่ ธ.ก.ส.เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลังจึงต้องสอบถามหน่วยงานที่กำกับดูแลโดยตรงรวมถึงความชัดเจนด้านข้อกฎหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
นอกจากนี้แม้ท้ายที่สุด 4 หน่วยงานให้ความเห็นว่าดำเนินการได้ แต่สหภาพฯ จะพิจารณาต่อว่ามีมติ ครม.รองรับหรือไม่ และ ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องเหลือเพียงพอหรือไม่ เพราะวงเงินค่อนข้างสูง และหลังจากจ่ายเงินให้รัฐบาลแล้วจะกระทบสภาพคล่องเพียงใด เพราะ ธ.ก.ส.มีภารกิจหลักช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศรวมทั้งต้องพิจารณาด้วยว่าเงื่อนไขหรือแผนการชำระคืนเงินจะเป็นอย่างไร เพราะมีต้นทุนการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
“การกู้เงิน ธ.ก.ส.โดยปกติจะกู้เพื่อจ่ายให้เกษตรกร ต่างจากครั้งนี้ เพราะนิยามที่รัฐบาลกำหนดคือจ่ายเงินให้คนทั่วไปที่มีอายุเกิน 16 ปีและมีรายได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับเกษตรกร แต่ถ้ารัฐใช้เงิน ธ.ก.ส.จ่ายให้เฉพาะเกษตรกรต้องดูว่าใช้หลักเกณฑ์อย่างไรแยกระหว่างเกษตรกรกับผู้ไม่ใช่เกษตรกร”
รายงานข่าวระบุว่า ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า ธ.ก.ส.เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มีวัตถุประสงค์ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตรภายใต้กรอบ พ.ร.บ.การจัดตั้ง ธ.ก.ส.
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตประธานกรรมการ ธ.ก.ส.ให้สัมภาษณ์รายการเดียวกัน ว่ารัฐบาลนำเงินธ.ก.ส.มาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้เพราะไม่เป็นตามข้อกฎหมายและวัตถุประสงค์การตั้งธนาคารที่ให้ผู้รับเงินจาก ธ.ก.ส.คือเกษตรกรหรือผู้เกี่ยวข้องเกษตรกร และนำเงินไปใช้เกี่ยวกับเกษตรกรรมหรือสร้างอาชีพซึ่งโครงการนี้ไม่เกี่ยวข้อง
“ต้องไม่ลืมว่า ธ.ก.ส.เป็นธนาคาร ไม่มีสถานะเป็นองค์กรการกุศลไม่ใช่มูลนิธิที่ต้องเทกระจาดเอาเงินมาแจกถึงแม้จะเป็นเงินจากรัฐบาลเพราะไม่ใช่หน้าที่ธ.ก.ส.”
ทั้งนี้หากรัฐบาลยืนยันเดินหน้าซึ่งน่าจะมีรูปแบบเดียว คือ เงินกู้ จะเกิดปัญหาตามมาทันที แม้รัฐบาลอาจบอกว่าให้กู้ไปก่อน พอเงินดิจิทัลวอลเล็ตออก ค่อยเอาเงินมาล้างหนี้หากเป็นแนวทางนี้ถือเป็นนิติกรรมอำพรางที่บิดให้เข้าวัตถุประสงค์ธ.ก.ส.
นอกจากนี้ กฎหมายกำหนดให้กู้ แม้ผู้รับเงินเป็นเกษตรกรแต่มีเงื่อนไขต้องนำเงินไปใช้ในกิจกรรมการเกษตรหรือพัฒนาอาชีพเสริม แต่การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตนำเงินไปใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภค และมีเรื่องดอกเบี้ยที่ต้องมีผู้รับภาระ
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลให้ ธ.ก.ส.ปล่อยเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งอยู่นอกเหนือวัตถุประสงค์ของธนาคาร นอกจากจะผิดหลักนิติธรรมแล้ว ผู้ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงคือคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ทั้งหมด แม้จะมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานก็ตาม โดยคณะกรรมการทั้งชุดที่ลงมติในสิ่งที่กฎหมายไม่ได้อนุญาต จะมีความผิดรายตัว ซึ่งทุกคนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนการใช้เงินจากงบประมาณปี 2567อีกจำนวน 175,000 ล้านบาทในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตถือว่าผิดหลักธรรมาภิบาลที่ดีและอาจผิดหลักนิติธรรมด้วยเช่นกันเพราะรัฐบาลไม่ได้บรรจุโครงการนี้ไว้ตั้งแต่แรกในขั้นตอนการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 หรือหากจะนำงบกลางฯ มาใช้ถือว่าไม่เหมาะสมเช่นกัน เพราะงบกลางฯ ต้องใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ภัยพิบัติ, น้ำท่วม, ไฟไหม้
แท็กที่เกี่ยวข้องเศรษฐกิจไทยงบประมาณคลังธ.ก.ส.แจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลวอลเล็ตEconomicWealth相关文章:
相关推荐:
เกินจะทน 'เจ้านาย' เว้าวอน อ้อนสุดๆ ขอแต่ง เพลงรัก ไม่สนใจก็ยอมระทึก! เกิดเหตุยิงกันที่ ห้างดังโคราช เจ็บ 1 ราย ตร.คุมสถานการณ์ได้แล้ว“ไขมันทรานส์”มากกว่าอ้วนเสี่ยงโรคหัวใจ ไทยกำจัดจาก“อุตสาหกรรมอาหาร” 'สามารถ' ชี้สุวรรณภูมิหรือชางงี ศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ?เช็กเงื่อนไข "เติมเงินพิเศษ" 2567 ผู้สูงอายุ ถือบัตรคนจน เริ่มโอน มี.ค. นี้สาเหตุ 'บอย ปกรณ์' คว้า 'พัคมินยอง' แฟนมีตติ้งไทยสรุปผลบอลและตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023/24 หลังจบสัปดาห์ที่ 27อูนิโอน เบอร์ลิน พบ ดอร์ทมุนด์ ดูบอลสด ฟุตบอล บุนเดสลีกา พร้อมช่องถ่ายทอดสดเตือน 'พายุฤดูร้อน' ฉบับ 4 พายุฝนฟ้าคะนอง ถล่มหลายจุด เช็กพื้นที่เสี่ยงกรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 6 เตือน 'พายุฤดูร้อน' 33 จังหวัดระวังฝนถล่ม 25
0.0586s , 8104.2265625 kb
Copyright © 2024 Powered by lynmeta สล็อต、ถ่ายทอด สด หวย ลาว วัน นี้ ล่าสุด 2565、หวย โชค ออนไลน์、หวย วัน ที่ 16 ธันวาคม 2565,ปทุมธานีไลฟ์เจอร์