KEY
POINTS
"ภาคขนส่ง" ขอพบนายกฯ ฟังนโยบายดูแลพลังงาน หลัง "กองทุนน้ำมัน" ติดลบกว่าแสนล้าน หวังเป็นแนวทางการกำหนดราคากับผู้จ้างงาน ระบุ "ดีเซล" ปรับขึ้น 1 บาท กระทบต้นทุน 3% ทันที
จากกรณีที่ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมัน (กบน.) ได้ตัดสินใจปรับการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ส่งผลให้มีการขยับเพดานราคาดีเซลขึ้น 1 บาท ในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 ขยับขึ้น 50 สตางค์ และวันที่ 20 เม.ย.2567 ขยับขึ้นอีก 50 สตางค์ ส่งผลให้เพดานราคาอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร
เหตุผลสำคัญของการปรับเพดานราคาดีเซลในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันที่ 14 เม.ย.2567 ติดลบ 103,620 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน ติดลบ 56,407 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับการติดลบสูงที่สุดของรัฐบาล "เศรษฐา ทวีสิน"นับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ 7 เดือน
นายศุภศักดิ์ รุ่งเจิดฟ้า ที่ปรึกษาสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า จากกรณีที่ราคาพลังงานปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ซึ่งขณะนี้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะติดลบทะลุกว่า 1 แสนล้านบาทแล้ว อีกทั้งกระทรวงการคลังไม่มีการต่ออายุลดภาษีน้ำมันดีเซลซึ่งตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ปรับราคาน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจทุกวันนี้ถือว่าได้รับผลกระทบและลำบากมากอยู่แล้ว ราคาดีมานด์ซัพพลายไม่สมดุล ซึ่งต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ผู้ประกอบการก็จะอยู่ไม่ได้อยู่แล้ว หากเพิ่มราคาน้ำมันขึ้นมาอย่างไรก็ต้องปรับราคาขึ้นมาเช่นกัน เพราะหากไม่ปรับราคาก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งนั่งก็หมายถึงราคาสินค้าก็จะต้องปรับขึ้นมาด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ในช่วงแรกที่กระทรวงพลังงานปรับขึ้นน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตร ธุรกิจก็ยังประคองตัวเองอยู่ แต่ก็อาจจะไม่นาน ถ้าจะขึ้นอีกมากกว่านี้ มองไว้ว่าภาคขนส่งก็จะต้องขึ้นแน่นอน จากที่เคยขึ้น 1 บาท ค่าขนส่งจะขึ้นมาประมาณ 3% ถือเป็นหลักการ อีกทั้ง ซึ่งที่ผ่านมาภาคขนส่งจะต้อปรับขึ้น 1.5% ถือเป็นกำไรที่เคยมีอยู่ก็จะหายไป ซึ่งตอนนี้ก็ยังทนอยู่ได้แต่ไม่ถึงกับขาดทุน แต่กำไรแทบไม่เหลือเลย
"ตอนนี้ก็มีการเจรจากับผู้ว่าจ้างแล้วว่าราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นซึ่งผู้จ้างก็ขอให้เราคงราคาค่าขนส่งไปก่อน เขาจะมีปัญหาเรื่องตลาดอีก หากขึ้นแล้วก็จะไปสู้รายอื่นไม่ได้ มันโยงกันหมดเป็นลูกโซ่เป็นทอดๆ ยอมรับว่าทุกวันนี้การทำธุรกิจก็ต้องแข่งขัน จริงๆ ผู้ประกอบการหลักๆ ที่ยังอยู่ได้ เพราะพื้นฐานเก่าเขาดีอยู่ แต่ถ้าพื้นฐานไม่ดีจริงก็เลิกไปเยอะ โดยปัจจุบันนี้มีการเลิกกิจการไปไม่ต่ำกว่า 30%"
นายศุภศักดิ์ กล่าวว่า สัดส่วนการเลิกดำเนินธุรกิจ มาจาก อาทิ ผู้ประกอบการบางคนมีเงินทุนอยู่แล้วเมื่อเห็นทิศทางราคาน้ำมันเป็นแบบนี้ก็เบื่อและไม่อยากทำธุรกิจต่อ จึงเลิกและนำเงินทุนไปดำเนินธุรกิจอื่นแทน อีกส่วนคือ ผู้ประกอบการไม่มีทุนที่จะดำเนินการต่อจึงเลิกดำเนินการ อีกส่วนที่น่าเห็นใจคือ ขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจจึงต้องปิดกิจการถาวร
ทั้งนี้ สมาคมฯ ทั้ง 10 สมาคม อยู่ระหว่างขอเข้าพบรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพราะที่ผ่านมาเห็นแต่ออกมาพูดแต่ก็ไม่ทำอะไรเลย จึงจะมุ่งไปที่ผู้ที่มีอำนาจตัวจริงอย่างนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือและขอฟังนโยบายที่ชัดเจน ยอมรับว่าไม่ได้ขอพบเพื่อจะกดดันว่าจะไม่ให้ปรับขึ้นราคาน้ำมัน แต่เจตนารมณ์คือขอฟังนโยบายที่ชัดเจนว่านโยบายรัฐบาลจะไปอย่างไร เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินธุรกิจต่อไป
"เราก็ไม่อยากให้มองว่าเราจะไปบังคับว่าไม่ให้ขึ้นราคา อันนั้นพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะถ้าจะขึ้นราคาจริงๆ เราจะได้มีแนวทางเพื่อตอบผู้ว่าจ้างที่ชัดเจน เพราะประชาชนก็รับรู้แล้วว่าต้นทุนเพิ่มขึ้น หากภาครัฐจะขอให้ยืนพื้นราคาไว้ก่อน ก็ควรเอาเงินมาให้เราใช้บ้าง"
นอกจากนี้ ยังยืนยันคำเดิมถึงมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล กรณีจะมอบบัตรส่วนลด เหมือนที่เคยบอกจะให้ ส่วนตัวมองว่าบัตรส่วนลดเป็นช่วงทางในการทุจริต เพราะประเทศไทยมีคนจ้องที่จะคอร์รัปชั่น ถ้ามีการช่วยเฉพาะกลุ่มจะเป็นช่องทางให้มีการโกงแน่นอน จะเห็นได้ว่า ช่วงที่สมาคมฯ มีการประท้วง รัฐบาลเรียกเข้าไปหารือและจะช่วยเฉพาะกลุ่ม สมาคมฯ ปฏิเสธ เพราะมองว่าเงินที่จะมาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหลือแค่ 50% แล้วประเทศจะได้อะไร มีแต่เสียกับเสีย
ดังนั้น การที่รัฐบาลปรับราคาน้ำมันจริง ๆ 1 บาท ภาคขนส่งก็จำเป็นจะต้องขึ้น 3% ดังนั้นจึงต้องขอคุยกับภาครัฐก่อนถึงนโยบาย เพื่ออธิบายกับผู้ว่าจ้างตามความเป็นจริง ซึ่งขณะนี้ได้ประสานกับทางนายกฯ อยู่ คาดว่าภายในเดือนนี้น่าจะได้หารือกับรัฐบาล ยืนยันว่าจะไม่ไปประท้วง เพราะที่ผ่านมาไม่เห็นผลอะไร และเสียเงินเป็นแสนๆ จึงจะไปในลักษณะตัวแทนของ 10 สมาคมฯ มากกว่า
"เราต้องฟังเสียงจากสมาชิกในทุกสมาคมก่อน เพราะแอคชั่นทีก็ใช่เงินเยอะไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนบาท เรื่องนี้พูดตรง ๆ ถ้าเศรษฐกิจดีก็ไม่เดือดร้อน เรามองในทางที่ดีกว่านี้เยอะว่ารัฐบาลกลับมาเศรษฐกิจจะดีกว่านี้เยอะ แต่ไม่ดีขึ้น จึงต้องดูว่าจะเอาอย่างไรต่อ เพราะขณะนี้การปฏิเสธสินเชื่อเยอะ คนที่เข้าถึงได้คือคนที่ไม่เดือดร้อน มีทรัพย์สิน ส่วนคนเดือดร้อนคือเอสเอ็มอีที่ยื่นไปก็ไม่ผ่าน"
แท็กที่เกี่ยวข้องเศรษฐกิจราคาน้ำมันนายกฯกระทรวงพลังงานพลังงานคอร์รัปชั่นกรุงเทพธุรกิจทุจริตกระทรวงการคลังกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคดีเซลกองทุนน้ำมันภาคขนส่งกบน.เศรษฐา ทวีสินภาษีดีเซลEconomicWealth相关文章:
相关推荐:
UPDATE: Pattaya Police Arrest Alleged Mobility Device ThiefOutstanding IGCSE Results for Regents International School Pattaya 2022Colossal King Cobra Caught at Chonburi Golf Course“อ.มงคล รอดเที่ยงธรรม” ผ่าดวงบางกอกทูเดย์ประจำวันอังคารที่ 16 ม.ค.67Pattaya Naklua Walk and Eat Festival Concludes with Culinary Delights and Cultural ImmersionThailand earns over 6.6 billion baht from foreign film productionsBenefits of sending your child to an international boarding school in ThailandPattaya Hosts Thrilling Conclusion of WGP#1 Waterjet World Cup and Series 2023Transgender Gold Robber Arrested in SongkhlaFind Your Dream Home in Thailand with Thavorn Asia Property
0.0364s , 8063.84375 kb
Copyright © 2024 Powered by slotxo สล็อต ฝาก 10 รับ 100 วอ เลท、สล็อต 999 ฟรี เครดิต 100、ดาวน์โหลด สล็อตpg、สล็อต 666 6,ปทุมธานีไลฟ์เจอร์